การสัมภาษณ์กับผู้ก่อตั้งสยามเรกิ – ลี เหว่ย-เต๋อ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับผู้ก่อตั้งสยามเรกิ

 

(นักข่าว): คุณสตีฟ ทำไมคุณถึงตัดสินใจจดทะเบียนจัดตั้งสถาบันสยามเรกิ?

(อาจารย์ สตีฟ): หลังจากออกเดินทางและได้พบปะกับนักเรียนเรกิหลายคนจากทั่วโลก พบว่ามีความหลากหลาย และความแตกต่างในวิธีการฝึกฝนและการทำความเข้าใจว่าเรกิคืออะไร (ศาสตร์ของพลังงานบำบัด)และมีวิธีในการฝึกปฏิบัติเช่นไร ความแตกต่างเหล่านี้ได้ตกผลึกหลังจากได้พูดคุยกับนักเรียนเรื่องการฝึกและการทำความเข้าใจในศาสตร์นี้ ว่าพวกเขาต้องฝึกบำบัดให้เพียงพอในแต่ละระดับที่ได้เรียน รวมไปถึงจำนวนครั้งในการปรับพลังงาน(attunements)ที่พวกเขาได้รับมา มันยิ่งเห็นชัดมากขึ้นว่าครูเรกิทั่วโลกสอนด้วยแนวความคิดที่แตกต่างกัน อย่างเช่น เทคนิคการทำสมาธิบางอย่างมีผลต่อการลดลงของพลังงานของนักเรกิบำบัด

ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศที่มีแค่ชายหาดสวยงาม อาหารเพื่อสุขภาพรสชาติดี หรือศาสนาพุทธเท่านั้น แต่เป็นสถานที่ที่ผู้คนมาเพื่อความผ่อนคลาย ฟื้นฟูตัวเองรวมไปถึงการเชื่อมต่อกับจิตใจและจิตวิญญาณของตัวเอง ผมเลยก่อตั้งศูนย์การสอนหลักที่กรุงเทพฯ และเราก็มีอีกสาขาอยู่ที่เกาะช้าง ซึ่งสองที่ใช้เวลาไม่นานในการขับรถจากกรุงเทพฯ มายังอ่าวแห่งนี้

(นักข่าว): ข้อดีของการมีศูนย์กลางที่ประเทศไทย ในกรุงเทพฯ คืออะไร?

(อาจารย์ สตีฟ): ประเทศไทยเปรียบเสมือนบ้านที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมการรักษาแบบพื้นเมือง รวมไปถึงยาสมุนไพรทั้งหลาย วิถีแบบโบราณอย่างวิธีบำบัดด้วยการนวด ประคบร้อนด้วยสมุนไพร และการจัดยาสมุนไพรต่าง ๆ เป็นที่น่าเชื่อถือ

ปัจจุบันฉันได้ทำงานร่วมกันกับนายกสมาคมสยามการแพทย์ดั้งเดิมและดำเนินโครงการไว้ที่จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อทำเสร็จก็จะกลายเป็นองค์การระหว่างประเทศสำหรับศึกษาศาสตร์การแพทย์ดั้งเดิม และพวกเราก็จะเป็นโรงพยาบาลที่รักษาด้วยวิถีธรรมชาติ ผู้คนสามารถมาใช้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อรับการรักษาแบบดั้งเดิมกับที่พักโฮมสเตย์ให้กับผู้มาเยือน สถานที่แห่งนี้จะประกอบไปด้วยผืนดินเป็นหลักเพื่อทำสวนสมุนไพรและมีระบบการจัดการ ไม่ใช่แค่รับประกันเรื่องสมุนไพรที่มีคุณภาพสูงเท่านั้น แต่เราจะทำให้ของเหล่านี้เกิดประโยชน์อย่างอื่นได้ด้วย

(นักข่าว): งั้นเราจะมาพูดถึงเรกิสักเล็กน้อย คุณคือเรกิมาสเตอร์และผู้ถ่ายทอดเรกิ มันมีความหมายอย่างไร?

(อาจารย์ สตีฟ): มันอาศัยความเข้าใจและประสบการณ์อย่างลึกซึ้งเรื่องศาสตร์พลังงาน ว่ามันสัมพันธ์กับร่างกายอย่างไร

นักเรกิบำบัดมีพลังงานของการบำบัดอยู่รอบๆตัว เมื่อเข้าสู่การบำบัด พลังงานก็จะไหลเข้าไปบำบัดร่างกาย โดยผ่านเข้าไปในออร่าและศูนย์กลางของจักระ พลังงานเหล่านั้นจะออกมาจากฝ่ามือของนักเรกิบำบัดหรือจักระที่รองลงมา เพื่อเข้าสู่ร่างกายของลูกค้า พลังงานนี้ช่วยเยียวยาและเห็นผลที่น่าทึ่งได้ทันที

การเป็นนักบำบัด ต้องฝึกฝนความเข้าใจเรื่องความแตกต่างของระบบพลังงานร่างกายของลูกค้า ได้แก่ ทางกายภาพ ทางจิตใจ ทางอารมณ์และทางจิตวิญญาณ นั่นจึงทำให้ศาสตร์เรกิแตกต่างจากศาสตร์พลังงานอื่น ๆ เพราะมันเป็นคลื่นพลังงานที่ผ่านเข้ามาทั่วทั้งร่างของนักบำบัดด้วย การบำบัดด้วยวิธีอื่นต้องทำผ่านสมาธินักบำบัดจึงจะใช้พลังงานได้ ไร้ซึ่งพลังงานนั้นไม่นับว่าเป็นเรกิ

(นักข่าว): เรกิช่วยผู้คนจากโรคภัยไข้เจ็บได้อย่างไร?

(อาจารย์ สตีฟ): โอเค เดี๋ยวผมจะเล่าความจริงในมุมนี้ให้ฟัง ชาวรัสเซียเคยใช้อุปกรณ์ตรวจร่างกายด้วยความถี่เมื่อ 40 ปีที่แล้ว ในช่วงแรกเขาใช้ในการตรวจสุขภาพของนักบินอวกาศ ส่วนในประเทศอเมริกาก็พัฒนาเครื่องมือเพื่อให้ทำงานปล่อยคลื่นความถี่เพื่อใช้ในการบำบัดรักษา ทุก ๆ ส่วนของร่างกาย ไปจนถึงอวัยวะ เซลล์ ฯลฯ และสามารถวัดค่าด้วยคลื่นความถี่ได้ นั่นคือเครื่องตรวจวัดคลื่น ที่ประเทศไต้หวันมีเครื่อง 3DMRA ที่สหรัฐอเมริกา มีเครื่อง Rife และโปรแกรมการตรวจวัดสภาพร่างกายอื่นๆ เครื่องมือเหล่านี้กำลังได้รับการยอมรับจากองค์การอาหารและยาอีกด้วย

ในขณะที่เราทำการบำบัดด้วยเรกิ พลังงานจะผ่านร่างกายของนักบำบัดเพื่อปรับเปลี่ยนมาเป็นกระแสไฟฟ้าที่โมเลกุลแน่นขึ้นและจะนำมวลอะตอมที่ไม่ดีออกไปจากร่างกายทางกายภาพ สิ่งนี้คือการทำความสะอาดให้กับพลังงานรอบ ๆ ร่างกาย หรือออร่า รวมถึงจักระหลักในร่างกาย ด้วยการตรวจวัดจากอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ ทำให้เห็นผลลัพธ์ของการบำบัดว่าได้ อธิบายอย่างง่ายๆคือ พลังงานเรกิจะเข้าไปปรับความสมดุลให้กับจักระและขับพลังงานที่เป็นพิษออกจากร่างกายของลูกค้า

ศาสตร์พลังงานถูกพบได้ในหลายวัฒนธรรม เช่นการทำเครื่องยาจีนโบราณ การฝังเข็ม ชี่กง และการรักษาอายุรเวทจากอินเดีย ซึ่งเป็นศาสตร์ที่มีมานานมากกว่าศาสตร์อื่นๆ

(นักข่าว): คุณคิดอย่างไรกับเรื่องยาของตะวันตกทั้งหลายที่มีอยู่?

(อาจารย์ สตีฟ): ทุก ๆ คนย่อมมีตัวเลือกในชีวิตของแต่ะคน ฉันแค่จัดหาบริการเหมือนคนอื่น ๆ ที่ทำกันอยู่ในอุตสาหกรรมนี้ ยาแผนปัจจุบันก็เป็นหนึ่งในนั้น คุณจะเลือกไปที่ไหนล่ะถ้าเกิดแขนของคุณขาด? คุณก็คงไม่มาหาฉันหรอก จริงอยู่ที่เรกิจะช่วยเหลือกระบวนการรักษาแผลให้หายเร็วมากขึ้นเมื่อทำการต่อแขนเสร็จ แต่อย่างไรก็ก็ต้องพึ่งการผ่าตัดศัลยกรรมและยาแผนปัจจุบันอยู่ดี ผมเชื่อในมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก (WHO) และมาตรฐานที่มีในประเทศส่วนใหญ่ แต่การรักษาแบบแพทย์ทางเลือกก็มีข้อดีของมัน  ผมเลือกการบำบัดรักษาที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้าเสมอ ทุกอย่างย่อมมีที่มีทางของมัน เราแค่ต้องค้นหาว่าอะไรคือสาเหตุของปัญหา ถ้าเราทราบถึงสาเหตุของปัญหานั้น การรักษาเยียวยาก็จะรวดเร็วมากขึ้นเท่านั้นเอง

(นักข่าว): คุณมีหลักฐานอะไรที่บอกได้ว่าการบำบัดด้วยเรกิมันได้ผล

(อาจารย์ สตีฟ): ตอนผมอยู่ที่ไต้หวัน ได้ถูกแนะนำให้รู้จักกับผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่ใช้การรักษาด้วยธรรมชาติให้กับผู้ป่วยโรคมะเร็งระยะ 3 และ 4 ฉันเลยเสนอให้กับทางโรงพยาบาลว่าให้นำศาสตร์เรกิบำบัดบรรจุลงไปในโปรแกรมรักษาโรคนี้ด้วย ผมได้รับคำเชิญให้ได้รู้จักกับอาจารย์ที่สมาคมพัฒนาชุมชนไต้หวัน เขาให้ผมทำเรกิให้แพทย์ได้ดูโดยได้ใช้เครื่องตรวจคลื่นความถี่(3DMRA) ตรวจเช็คไปด้วย เครื่องได้แสดงผลให้เห็นว่าพลังงานเรกิสามารถขับสารพิษของเสียของร่างกายให้สมดุลได้เทียบเท่ากับการฝังเข็มหรือมากกว่านั้น หลักฐานชิ้นนี้ทำเป็นเอกสารจนเป็นที่ยอมรับแล้วและปฏิเสธไม่ได้ ส่วนเครื่อง 3DMRA ปัจจุบันใช้ในโรงพยาบาลทั้งหมด 5 แห่งและนำมาวินิจฉัยโรค 2-3 เดือนก่อนจะทำการตรวจโลหิตหรือเอ็กซเรย์

(นักข่าว): แพทย์ทางเลือกและพลังงานบำบัด ถ้าเป็นในสมัยก่อนแทบจะไม่มีคนให้ความสำคัญเลย และคุณก็พูดไว้แล้วว่าตอนนี้คุณได้ทำงานร่วมกันกับเหล่าแพทย์และอาจารย์ที่พร้อมจะทำงานด้วยกับยาแผนปัจจุบันตะวันตก ทำไมเราถึงกลายมามีบทบาทสำคัญอย่างรวดเร็วเช่นนี้ คุณสตีฟคิดว่าอย่างไร

(อาจารย์ สตีฟ): ผมรู้สึกว่ามันถึงเวลาที่เหมาะสมตามกระแสของโลกและมีสถิติออกมาว่ามีคนถึง 80% มองหาการบำบัดรักษาด้วยยาศาสตร์ทางเลือก (CAM) มากกว่ายาแผนปัจจุบัน ฉันว่าผู้คนเริ่มคำนึงถึงผลข้างเคียงของสารเคมีในยาแผนปัจจุบัน ที่ออสเตรเลียเองก็พูดถึงเรื่องนี้กันมากขึ้น ว่าคนที่ทำงานใน CAM ก็เริ่มวินิจฉัยโรคทั้งหลายรวมไปถึงการบำบัดรักษา ทำรายงานสุขภาพ และให้คำแนะนำแก่ผู้ป่วยได้  ผู้คนก็จะได้มีชีวิตอยู่อย่างปลอดภัยไร้ซึ่งโรคภัยหากสามารถตรวจพบเจอตั้งแต่เนิ่น ๆ นักบำบัดจะได้รับการฝึกฝนและสร้างมาตรฐานสากลจากทางรัฐบาล อีกทั้งยังมีบริษัทประกันสุขภาพอีก 45-50 แห่งที่สามารถให้คนไปสปาเพื่อรับการบำบัดและเคลมประกันได้ การวิจัยที่ถูกค้นคว้ามากขึ้น ทำให้เรารู้ว่าการทำงานของแพทย์ทางเลือก หลายๆวิธีได้ผลที่ดีและรวดเร็วกว่าการบำบัดรักษาแบบปกติทั่วไป

(นักข่าว): คุณเป็นผู้ที่เริ่มก่อตั้งศูนย์ค้นคว้าเรกิและทดลองสร้างคลินิก ว่าแต่ทำไมถึงเป็นที่ประเทศไทย ทำกับประเทศทางตะวันตกไม่ง่ายกว่าหรือ?

(อาจารย์ สตีฟ): สมาคมค้นคว้าเรกิได้รับการยอมรับเมื่อปีก่อนและจะได้รับใบประกาศนียบัตรที่จดลงทะเบียนในเร็ว ๆ นี้แล้ว ถือว่าฉันโชคดีที่ได้รับการสนับสนุนที่ดีจากคนที่คิดเหมือนๆกัน บางคนก็เป็นหมอ วัตถุประสงค์ของผมคือการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์เพื่อรองรับการบำบัดเรกิ รูปแบบการทำวิจัยจะอิงบรรทัดฐานของทางตะวันตก เช่น CBC และ Viral Overload Test จะเป็นส่วนของการสังเกตุการณ์ในการตรวจและบำบัด ไม่ใช่แค่นั้นแต่เครื่อง 3DMRA จะถูกนำมาใช้สังเกตุการณ์ค่าการเปลี่ยนแปลงในช่วงก่อนตรวจผลเลือดอีกด้วย

ในบริษัทเภสัชของตะวันตกได้ทุนจากรัฐบาลในการผลิตยาต่างๆ ส่วนการบำบัดทางเลือก เรามีงบที่ค่อนข้างจำกัด และทางฝั่งบริษัทผลิตยาต้องการเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์อีก ธุรกิจใหญ่เติบโตในอุตสาหกรรมใหญ่ เมื่อใบจดสิทธิบัตรเสร็จเรียบร้อย พวกเราจะขอการสนับสนุนทางการเงินและการช่วยเหลือเพื่อเร่งดำเนินการการทดลองเริ่มจาก HIV พวกเราวางกำหนดการเอาไว้ว่าจะใช้ระยะเวลาราว ๆ 3 เดือนที่เราจะทำโปรแกรมทดลองแบบ “ระบบปิด” อยู่บนถูเขา ซึ่งมันค่อนข้างยากที่จะทำในประเทศอื่น ๆ   มีสมาคมและกลุ่มแพทย์ในประเทศอื่นให้ความสนใจในสิ่งที่ผมกำลังจะทำ ฉันว่าผลลัพธ์นี้มันจะช่วยเหลือเหล่านักบำบัด และบุคลากรที่ทำเกี่ยวทางสุขภาพได้ทั้งหมดเลย พวกเรากำลังต้องการรับบริจาค เพื่อให้คน 30 คนที่อยู่ในโปรแกรมนี้ทั้งหมด 3 เดือนเราอาจจะต้องจ่ายถึง 1 ล้านบาท

(นักข่าว): เช่นนั้นคุณมีการบำบัดแบบพิเศษเฉพาะ และคุณก็รับฝึกสอน และก่อตั้งศูนย์วิจัยเรกิและเปิดรีสอร์ท ภาพรวมของที่นี่มีอะไรบ้าง และใน 5 ปีถัดจากนี้คุณอยากเห็นภาพรวมนั้นไปในทิศทางไหน(อาจารย์ สตีฟ): ฉันเกิดมาเพียงครั้งเดียวและฉันรู้สึกว่าฉันสามารถสร้างโรงเรียนที่ทุกคนสามารถมาและเรียนรู้และฝึกฝนเพื่อทำการบำบัดที่ได้ผล และอยู่บนมาตรฐานการศึกษาของออสเตรเลียได้ ฉันต้องการแบ่งปันประสบการณ์ของฉันเกี่ยวกับเรกิให้กับผู้อื่นเพื่อให้ผู้อื่นมีการเติบโตจากภายในของเขา ฉันต้องการพัฒนาวงการสปาเพื่อนักเรียนที่กำลังต้องการทำกิจการเช่นนี้ในประเทศของเขา และฉันอยากจะพิสูจน์ว่าฉันและคนอื่น ๆที่เป็นนักเรกิบำบัดและที่กำลังทำแบบนี้เหมือนกันทั่วโลก ใช้มันสร้างประโยชน์ทางด้านการรักษาได้ นอกจากนี้ ฉันต้องการที่จะแบ่งปันผลลัพธ์และข้อมูลกับให้กับผู้คนในโลกใบนี้

 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *